![]()
งานปั้นดินเผาเป็นศิลปะที่ผสมผสานทั้งความคิดสร้างสรรค์และทักษะทางช่าง หนึ่งในเทคนิคยอดนิยมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในงานเซรามิกและงานปั้นร่วมสมัยคือ การปั้นแบบแผ่น (Slab Building) เป็นเทคนิคที่เปิดโอกาสให้ผู้ปั้นสร้างงานได้อย่างอิสระ ทั้งภาชนะ เครื่องใช้ งานตกแต่ง ไปจนถึงประติมากรรม
การปั้นแบบแผ่น หรือ Slab Technique คือวิธีการรีดดินให้เป็น แผ่นบางๆ แล้วนำมาตัด ดัดโค้ง หรือประกอบขึ้นรูปเป็นชิ้นงาน เทคนิคนี้เหมาะสำหรับการสร้างงานที่มีรูปทรงเรขาคณิต หรือชิ้นงานที่ต้องการความเรียบเนียนและแข็งแรง เช่น กล่อง แจกัน หรือโครงสร้างจำลอง นับเป็นเทคนิคที่แตกต่างจากการปั้นมือทั่วไป เพราะสามารถควบคุมรูปทรงได้ง่ายและได้งานที่ดูประณีตกว่า
ข้อดีสำคัญของการปั้นแบบแผ่นคือสามารถสร้างงานที่มีขนาดใหญ่และผิวเรียบได้อย่างง่ายดาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานทรงเหลี่ยมหรือรูปทรงเรขาคณิต นอกจากนี้ยังสามารถสร้างลวดลายบนผิวงานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการกดลาย วาดลาย หรือปั๊มลายก่อนประกอบ ทำให้งานที่ออกมาไม่จำเจและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ขั้นตอนและเทคนิคการปั้นทำยากไหม?
บอกเลยว่าไม่ยาก เริ่มต้นด้วยการ รีดดินให้เป็นแผ่น โดยใช้ไม้กลิ้งหรือเครื่องรีด ควรควบคุมความหนาให้สม่ำเสมอกันทั้งชิ้นงาน (แนะนำอยู่ที่ประมาณ 0.5 – 1 เซนติเมตร) หลังจากนั้นตัดดินเป็นรูปทรงที่ต้องการ เช่น สี่เหลี่ยม วงกลม หรือเส้นโค้ง หากอยากได้รูปทรงโค้งมน สามารถวางดินบนพิมพ์ เช่น ขวดหรือแม่พิมพ์ไม้
เมื่อได้ชิ้นส่วนที่ต้องการแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การประกอบ ใช้เทคนิคขูดรอยและทาน้ำดิน (Scoring & Slip) ก่อนนำมาต่อกัน เพื่อให้ยึดแน่นและไม่หลุดร่อน หลังจากนั้นสามารถ ตกแต่งพื้นผิว โดยการกดลาย แกะลาย หรือเพิ่มสีด้วยน้ำดินสี (Engobe)
สิ่งสำคัญคือต้องปล่อยให้แผ่นดิน แห้งช้าๆ โดยการคลุมด้วยพลาสติก หากแห้งเร็วเกินไปอาจทำให้บิดงอหรือแตกร้าว เมื่อดินแห้งสนิทแล้วจึงนำไปเผาในเตา ทั้งการเผาดิบ (Bisque Firing) และการเผาพร้อมเคลือบ (Glaze Firing)
ทั้งนี้ การปั้นแบบแผ่นสามารถดัดแปลงได้หลายวิธี เช่น การใช้พิมพ์ เพื่อขึ้นรูปจานและชาม การประกอบเป็นกล่องหรือโครงสร้างเรขาคณิต รวมถึงการสร้างลวดลาย ด้วยการกดใบไม้ เชือก หรือเครื่องมือเพื่อสร้างลวดลายบนแผ่นก่อนนำมาประกอบ ถือเป็นเทคนิคที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับชิ้นงานได้มาก
ดินที่เหมาะสำหรับการปั้นแบบแผ่นมีอะไรบ้าง?
ดินที่ใช้มีผลต่อความแข็งแรงและความง่ายในการปั้น สำหรับผู้เริ่มต้นควรเลือก ดินสโตนแวร์ (Stoneware) เพราะเหนียว แข็งแรง และไม่แตกร้าวง่าย ดินเนื้อแดง (Earthenware) ก็เป็นอีกทางเลือกที่ใช้ง่ายและราคาย่อมเยา แต่เปราะกว่า ส่วน ดินพอร์ซเลน (Porcelain) แม้จะให้ผิวที่ขาว เรียบ และสวยงาม แต่ขึ้นรูปยากและมีโอกาสแตกร้าวสูง เหมาะกับผู้มีประสบการณ์มากกว่า
ควรหลีกเลี่ยงการรีดดินบางเกินไป เพราะอาจแตกหรือบิดงอได้ง่าย ต้องรักษาความหนาใกล้เคียงกันทั้งชิ้นเพื่อป้องกันการหดตัวไม่สม่ำเสมอ การต่อชิ้นงานทุกครั้งต้องใช้เทคนิค scoring & slip และต้องทำให้แห้งช้าๆ ด้วยการคลุมพลาสติก เพื่อไม่ให้แตกร้าวก่อนนำไปเผา
แล้วทำไม Slab Building ถึงน่าสนใจใช่ไหมคะ คำตอบคือ เทคนิคนี้เหมาะกับทั้งผู้เริ่มต้นและศิลปินมืออาชีพ เพราะง่ายต่อการเรียนรู้และสามารถต่อยอดสร้างงานได้หลากหลาย ตั้งแต่งานเครื่องใช้ไปจนถึงงานศิลปะขนาดใหญ่ ความยืดหยุ่นสูง ทำให้ผู้ปั้นได้ลองสร้างลวดลายและรูปทรงที่ไม่จำกัด อีกทั้งยังเป็นวิธีที่สนุกและท้าทายในการค้นหาสไตล์งานปั้นของตัวเอง