ในโลกของเซรามิกญี่ปุ่น มีเทคนิคการตกแต่งหนึ่งที่ได้รับการยกย่องว่างดงามและละเอียดอ่อนที่สุดค่ะ เทคนิคที่ว่ามีชื่อเรียกว่า “Mishima” (มิสชิมะ) เป็นรูปแบบของการเขียนลายลงบนผิวดิน และยังคงคอนเซ็ปสิลปะแนวญี่ปุ่นคือ งดงาม เรียบง่าย และมีความเป็นธรรมชาติอย่างลงตัว
สำหรับ “Mishima” นั้นเป็นชื่อที่มาจากเมืองมิสชิมะ (Mishima City) ในจังหวัดชิซุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่ใช้เทคนิคนี้ในสมัยโบราณ แต่ก็มีข้อสันนาฐานว่า จริงๆ แล้วเทคนิคนี้มีต้นกำเนิดเก่าแก่กว่านั้น โดยว่ากันว่าได้รับอิทธิพลจากเครื่องเคลือบของเกาหลีในสมัย โครยอ (Goryeo) โดยเฉพาะเทคนิคการฝังลายของเกาหลีที่เรียกว่า ซังกัม (Sanggam) ที่ถูกนำเข้ามายังญี่ปุ่นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15
แล้วเทคนิค Mishima คืออะไร?
หัวใจของ Mishima คือ การฝังลายลงในเนื้อดิน เพื่อให้เกิดลวดลายที่ดูซึมเข้าไปในพื้นผิว ไม่ใช่การวาดหรือเพนต์บนผิวหน้า โดยมีขั้นตอน ดังนี้
- ขึ้นรูปชิ้นงานดิบ (Leather-hard stage) โดยดินจะต้องอยู่ในสภาพกึ่งแห้งกึ่งเปียก เหมาะแก่การสลัก
- สลักลวดลาย ด้วยการใช้เข็มหรือเครื่องมือแกะเส้นตามแบบที่ต้องการ
- เติมดินสี (Slip) ค่อยๆ ใช้ดินเหลวสีต่างๆ เติมลงในร่องที่สลักไว้
- ขูดหรือขัดผิว หลังจาก slip แห้ง จะขัดผิวให้เรียบจนเห็นเส้นลายที่ฝังอยู่ภายใน
- เคลือบและเผา จากนั้นจึงเคลือบและนำไปเผาในอุณหภูมิตามชนิดดินและเคลือบ
ผลลัพธ์ที่ได้คือ พื้นผิวที่มีลวดลายละเอียดนุ่มนวล ดูเป็นธรรมชาติราวกับลายซึมอยู่ใต้ชั้นผิวของดิน
มาถึงตรงนี้ อาจพอมองเห็นเสน่ห์ของ Mishima ขึ้นมาแล้วใช่ไหมค่ะ แต่มากกว่าลวดลายที่สวยงามและมีความเฉพาะตัวแล้ว สิ่งที่ทำให้ Mishima เป็นที่นิยมไม่ใช่เพียงความงามของลายเส้น แต่คือ ความสงบและสมาธิที่อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ เพราะการสลักและเติมลายต้องอาศัยความใจเย็น ละเอียด และการรับรู้จังหวะของมืออย่างลึกซึ้ง จึงเป็นเทคนิคที่ศิลปินเซรามิกหลายคนมองว่า “คือการทำสมาธิผ่านงานปั้น”
สำหรับลวดลายที่มักใช้ใน Mishima มักได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ ใบไม้ คลื่นน้ำ หรือแม้แต่ลายเรขาคณิตเรียบง่าย ซึ่งสะท้อนแนวคิดความงามแบบ “วะบิ-สะบิ” (Wabi-Sabi) — ความงามของความเรียบง่ายและความไม่สมบูรณ์แบบอย่างมีเสน่ห์
การเผาในเทคนิค Mishima
สามารถทำได้ทั้งในอุณหภูมิต่ำและสูง ขึ้นอยู่กับชนิดของดินและเคลือบที่ใช้ โดยทั่วไปมีสองช่วงหลักคือ Bisque Firing (เผาดิบ) ประมาณ 800–900°C เพื่อให้ชิ้นงานแข็งและพร้อมสำหรับเคลือบ และ Glaze Firing (เผาเคลือบ) ประมาณ 1,200–1,300°C สำหรับงาน Stoneware หรือ Porcelain
การเลือกเคลือบที่ใสหรือเคลือบด้านบางๆ จะช่วยขับให้เส้นลาย Mishima ดูโดดเด่นและลึกขึ้น
ปัจจุบันศิลปินเซรามิกทั่วโลกได้นำเทคนิค Mishima มาประยุกต์อย่างหลากหลาย ทั้งในงานเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร (tableware), งานตกแต่งผนัง, ไปจนถึงงานศิลปะร่วมสมัยขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะใช้ลวดลายแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมหรือสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ๆ จิตวิญญาณของ Mishima จึงยังคงอยู่ในทุกเส้นลาย และนั่นคือความตั้งใจของผู้สร้าง ที่บรรจงสลักลงในเนื้อดินด้วยหัวใจแห่งศิลป์ค่ะ