Mishima (มิสชิมะ) ศิลปะแห่งลายเส้นในเนื้อดิน

Mishima (มิสชิมะ) ศิลปะแห่งลายเส้นในเนื้อดิน

ในโลกของเซรามิกญี่ปุ่น มีเทคนิคการตกแต่งหนึ่งที่ได้รับการยกย่องว่างดงามและละเอียดอ่อนที่สุดค่ะ เทคนิคที่ว่ามีชื่อเรียกว่า “Mishima” (มิสชิมะ)  เป็นรูปแบบของการเขียนลายลงบนผิวดิน และยังคงคอนเซ็ปสิลปะแนวญี่ปุ่นคือ งดงาม เรียบง่าย และมีความเป็นธรรมชาติอย่างลงตัว

สำหรับ “Mishima” นั้นเป็นชื่อที่มาจากเมืองมิสชิมะ (Mishima City) ในจังหวัดชิซุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่ใช้เทคนิคนี้ในสมัยโบราณ แต่ก็มีข้อสันนาฐานว่า จริงๆ แล้วเทคนิคนี้มีต้นกำเนิดเก่าแก่กว่านั้น  โดยว่ากันว่าได้รับอิทธิพลจากเครื่องเคลือบของเกาหลีในสมัย โครยอ (Goryeo) โดยเฉพาะเทคนิคการฝังลายของเกาหลีที่เรียกว่า ซังกัม (Sanggam)  ที่ถูกนำเข้ามายังญี่ปุ่นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15

แล้วเทคนิค Mishima คืออะไร?

หัวใจของ Mishima คือ การฝังลายลงในเนื้อดิน เพื่อให้เกิดลวดลายที่ดูซึมเข้าไปในพื้นผิว ไม่ใช่การวาดหรือเพนต์บนผิวหน้า โดยมีขั้นตอน ดังนี้

  1. ขึ้นรูปชิ้นงานดิบ (Leather-hard stage) โดยดินจะต้องอยู่ในสภาพกึ่งแห้งกึ่งเปียก เหมาะแก่การสลัก
  2. สลักลวดลาย ด้วยการใช้เข็มหรือเครื่องมือแกะเส้นตามแบบที่ต้องการ
  3. เติมดินสี (Slip)  ค่อยๆ ใช้ดินเหลวสีต่างๆ เติมลงในร่องที่สลักไว้
  4. ขูดหรือขัดผิว หลังจาก slip แห้ง จะขัดผิวให้เรียบจนเห็นเส้นลายที่ฝังอยู่ภายใน
  5. เคลือบและเผา  จากนั้นจึงเคลือบและนำไปเผาในอุณหภูมิตามชนิดดินและเคลือบ

ผลลัพธ์ที่ได้คือ พื้นผิวที่มีลวดลายละเอียดนุ่มนวล ดูเป็นธรรมชาติราวกับลายซึมอยู่ใต้ชั้นผิวของดิน

มาถึงตรงนี้ อาจพอมองเห็นเสน่ห์ของ Mishima ขึ้นมาแล้วใช่ไหมค่ะ แต่มากกว่าลวดลายที่สวยงามและมีความเฉพาะตัวแล้ว สิ่งที่ทำให้ Mishima เป็นที่นิยมไม่ใช่เพียงความงามของลายเส้น แต่คือ ความสงบและสมาธิที่อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ เพราะการสลักและเติมลายต้องอาศัยความใจเย็น ละเอียด และการรับรู้จังหวะของมืออย่างลึกซึ้ง จึงเป็นเทคนิคที่ศิลปินเซรามิกหลายคนมองว่า “คือการทำสมาธิผ่านงานปั้น”

สำหรับลวดลายที่มักใช้ใน Mishima มักได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ ใบไม้ คลื่นน้ำ หรือแม้แต่ลายเรขาคณิตเรียบง่าย ซึ่งสะท้อนแนวคิดความงามแบบ วะบิ-สะบิ” (Wabi-Sabi) — ความงามของความเรียบง่ายและความไม่สมบูรณ์แบบอย่างมีเสน่ห์

การเผาในเทคนิค Mishima

สามารถทำได้ทั้งในอุณหภูมิต่ำและสูง ขึ้นอยู่กับชนิดของดินและเคลือบที่ใช้ โดยทั่วไปมีสองช่วงหลักคือ Bisque Firing (เผาดิบ) ประมาณ 800–900°C เพื่อให้ชิ้นงานแข็งและพร้อมสำหรับเคลือบ และ Glaze Firing (เผาเคลือบ) ประมาณ 1,200–1,300°C สำหรับงาน Stoneware หรือ Porcelain

การเลือกเคลือบที่ใสหรือเคลือบด้านบางๆ จะช่วยขับให้เส้นลาย Mishima ดูโดดเด่นและลึกขึ้น

ปัจจุบันศิลปินเซรามิกทั่วโลกได้นำเทคนิค Mishima มาประยุกต์อย่างหลากหลาย ทั้งในงานเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร (tableware), งานตกแต่งผนัง, ไปจนถึงงานศิลปะร่วมสมัยขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะใช้ลวดลายแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมหรือสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ๆ จิตวิญญาณของ Mishima จึงยังคงอยู่ในทุกเส้นลาย และนั่นคือความตั้งใจของผู้สร้าง ที่บรรจงสลักลงในเนื้อดินด้วยหัวใจแห่งศิลป์ค่ะ

 

กลับไปยังบล็อก